ประสบการณ์เกย์ - รู้ใจกันวันเศร้าๆ ตอนแรก

ประสบการณ์เกย์บางครั้งความรักมันก็สวยงาม ไม่ว่าจะมาช้าหรือเร็ว บางทีถึงมันจะดูฉาบฉวยและวู่วามไปหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะถ้ามันเกิดแล้วดันเรียกว่าความรัก มันก็คือความรัก เหมือนกับผมและไอ้ “เอ้” ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าวันหนึ่งมันกับผมจะกลายมาเป็นแฟนกันได้ ทั้งๆ ที่เป็นนักเลงหัวไม้กันทั้งคู่ เรียกว่าหน้าตาบ้านๆ แมนๆ สายกรรมกรก่อสร้างกันเลยก็ว่าได้ คมเข้มสาวชอบ ม่อสาวข้ามถิ่นกันไปมาเป็นว่าเล่น กระทั่งเคยบาดหมางถึงกับยกพวกไล่ตีกันเพราะว่าแย่งสาวคนเดียวกัน ถึงขนาดว่าตายก็จะไม่เผาผี

                แต่ทุกๆ อย่างมันก็มีวันเปลี่ยนไป เมื่อหลายเดือนก่อน ในคืนหนึ่ง ผมได้ว่าว่าพวกมันแม่งเสือกไปแข่งรถกันจนโดนตำรวจไล่บี้จนจับพวกมันได้ยกแก๊งค์ โดนค่าปรับบานเลย แถมรถก็ต้องโดนยึดอีกด้วย บ้านก็หาเช้ากินค่ำ เสือกทำตัวแบบนั้นมันก็สมควรแล้วละ  แต่หลังจากนั้นสองสามคืน หลังจากที่ผมกลับมาจากไปหาเพื่อนที่ต่างตำบล ปรากฏว่ามันวิ่งมาขวางหน้ารถผมจนรถผมหักหลบพุ่งลงข้างทางไปเจ็บตัวไปหลายที่

                ผมลุกมาเตรียมหวดแม่งให้จมตีน แต่กลายเป็นว่ามันร้องไห้อยู่ ฟูมฟายเหมือนจะเป็นจะตาย สะอึกสะอื้นจนผมลืมความเจ็บปวดและลืมโมโหไปเลย

                “มึงเป็นเชี่ยไรสัส อยากตายเหรอ ?” ผมตะโกนถาม

                “มึง…ไอ้แม็ก มึงช่วยกูด้วย” มันพูดแต่คำเดิมๆ ซ้ำๆ “ช่วยกูด้วยมึง…” พร้อมกับจับแขนผมเขย่าจนผมสะบัดออกเพราะความเจ็บ

                “ปล่อย มึงจะไปตายห่าไหนก็ไป ทำกูเจ็บเสือกไม่ขอโทษสักคำ”

                “แม่กูชัก…มึง แม่กูไข้สูงเลย ไม่มีใครมีรถเลย มึง…มึงช่วยกูหน่อย พาแม่กูไปโรงบาลที” วินาทีนั้นผมไม่อยากจะสนใจอะไรมันหรอก ผมก็เจ็บ แม่มันก็แม่มันสิ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผม เสือกเกกมะเหรกเกเรแล้วทำรถโดนยึดเอง จนกระทั่งวินาทีที่มันพนมมือไหว้ผมแล้วคุกเข่าลง น้ำตานองหน้า

                “แม่ง…”

                “มึงช่วยกูด้วยนะ ขอร้อง จะทำอะไรกูก็ได้ กูไหว้ละ…” นั่นคือศักดิ์ศรีของมันจริงๆ มันยอมทิ้งทุกอย่างไปแล้ว เหลือแค่ผมที่ต้องทิ้งอคติของตัวเองด้วย สุดท้ายผมก็ยอมใจอ่อน ฝืนความเจ็บปวดแล้วขับรถไปที่บ้านมัน พาแม่มันซ้อนมอเตอร์ไซค์อัดสามไปโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล เพราะรอรถพยาบาลคงไม่ทันการณ์ จนกระทั่งถึงห้องฉุกเฉิน ผมเองก็ถือโอกาสเข้ารักษาตัวเองด้วย เพราะทั้งแขน สีข้าง และหัวเข่ามีแต่แผลเต็มไปหมด เรียกได้ว่าทำเอาผมไข้ขึ้นจนต้องนอนหลับที่เตียงในห้องฉุกเฉินไปงีบใหญ่

                พอลืมตาขึ้นอีกที ไอ้เอ้แม่งก็มานั่งฟุบอยู่ข้างเตียงแล้ว พอผมตื่นมันก็ตื่น

                “มานอนทำเชี่ยไรที่นี่ ไม่ไปเฝ้าแม่มึงล่ะ ?”

                มันมองหน้าผมแล้วยิ้มอ่อนๆ “แม่กูปลอดภัยแล้ว ถึงมือหมอแล้ว” มันพูดพลางมองตัวผม “มึงเจ็บมากไหม เดี๋ยวกูจ่ายค่าหมอให้นะ”

                “ไม่ต้องยุ่ง เอาตัวเองให้รอดเถอะ” ผมพูด ในใจลึกๆ ก็รู้สึกว่าชนะมันอยู่นั่นแหละ คิดอยู่ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่าคนอย่างไอ้เอ้แม่งคุกเข่าขอร้องผม แบบนี้คงได้โม้ไปอีกนานแน่ ผมไล่ให้มันไปหาแม่ ก่อนที่จะจัดการเรื่องตัวเองแล้วกลับบ้านในเวลาเกือบเช้า แล้วผมก็มาล้างแผลทุกๆ วันที่อนามัย

                กระทั่งสี่วันต่อมา ผมมาทำธุระที่ใกล้ๆ โรงพยาบาล เลยว่าจะแวะขอยาเพิ่มสักหน่อย ปรากฏว่าผมดันเห็นไอ้เอ้แม่งนั่งร้องไห้ที่ศาลพระพรหมหน้าโรงพยาบาล มันพนมมือไหว้ แล้วก้มลงกราบนิ่ง ร้องไห้ตัวสั่นงันงก สุดท้ายผมก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหามัน ถึงจะเกลียดกัน แต่คนอย่างมันคงไม่ได้ร้องไห้บ่อยๆ นักหรอก ขนาดโดนวัยรุ่นหมู่บ้านอื่นไล่ฟันยังไม่เห็นน้ำตาสักแอะ เย็บไปตั้งสามสิบกว่าเข็ม

                “เห้ย…เอ้ เป็นไรไหมวะ ?” ผมถามแบบหวั่นๆ นิดหน่อย เพราะไม่ได้ชินเรื่องการเข้าหามัน ผมเดินเข้าไปยืนข้างๆ มัน ก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วคว้าเอวผมเข้ากอด ก่อนร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายจนผมเองเกือบจะร้องไห้ไปกับมัน

                “แม่…แม่ ฮืออออ…แม่กูไม่อยู่กับกูแล้ว”

                น้ำตาผมคลอทันที ไอ้เอ้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่และยายมันแค่นั้น ตามันตายไปแล้ว ส่วนพ่อก็หนีไปเอาเมียใหม่ไม่กลับมาหามันตั้งหลายปีแล้ว การเสียแม่ไปด้วยโรคไข้เลือดออกแบบนี้เหมือนมันเสียเสาหลักไปเลย จากพยายามเฉยชา กลายเป็นว่าผมสงสารมันจับใจ วางมือบนหัวมันอย่างประหม่าแล้วลูบเบาๆ โดยที่มันไม่ได้ต่อต้านอะไร

                งานศพแม่มันคนมาน้อยมากๆ ส่วนผมเองก็จับพลัดจับผลูไปช่วยงานมันเสียอย่างนั้น เรียกว่าช่วยแทบทุกอย่าง กระทั่งงานศพคืนแรกจบไป มันนั่งกระดกเหล้าขาวอยู่ที่ศาลาสวดศพ ผมเองก็สงสารมันจับใจ สุดท้ายเพื่อนร่วมแก๊งค์ก็ไม่มีใครมาร่วมงานมันเลยสักคน มีแต่เพื่อนกินล้วนๆ

                มันกระดกเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า จนผมต้องเข้าไปห้าม “พรุ่งนี้มีถวายเพล มึงจะเมาทำไมวะ ?”

                “ทำไมมึงยังอยู่…ทำไมคนที่กูอยากให้อยู่ไม่มีเลย มึงไม่สมน้ำหน้ากูเหรอ ?”

                “ส้นตีนนี่ อย่ามาปัญญาอ่อน เห็นใจก็ส่วนเห็นใจ แม่มึงตายทั้งคน กูจะมานั่งสมน้ำหน้ามึงทำเหี้ยอะไรวะ ?”

                มันวางแก้วเหล้าลงกับพื้น แล้วเอนตัวมาพิงไหล่ผมในสภาพเมาแอ๋ “ทำไมมึงต้องมาเห็นกูแบบนี้ ทำไมวะ กูแม่งไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็นเลย ทำไมมึงต้องเห็นตลอดเลย”

                “เลิกกวนตีน” ผมบ่น แล้วยกมือกอดคอมันไว้ ปล่อยให้มันพิงไหล่ผมอยู่อย่างนั้น กระทั่งมันหมดแรงหงายหลังตึง ดึงให้ผมล้มลงไปนอนด้วย กลายเป็นว่าตอนนี้มันหนุนแขนผม แล้วก็หลับไปทั้งอย่างนั้น ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะยกขึ้นมากอดผม

                “แม่ไม่อยู่…ฮือ ไม่อยู่ให้กอดแล้ว” มันละเมอหลายครั้งก่อนจะหลับไปจริงๆ กลายเป็นว่าคืนนั้นผมนอนให้มันกอดอยู่อย่างนั้นแล้วน้ำตาไหลตามมันเงียบๆ

 

                สามวันต่อมา งานศพผ่านไปด้วยดี ผมอยู่ช่วยมันจัดการเผาแม่มันเรียบร้อย จนกระทั่งสวดมนต์เย็นอีกวันของวันนั้น มันบอกกับผมว่าจะนอนที่นี่อีกคืน พรุ่งนี้เช้าจะได้เก็บกระดูก ไม่อยากไปนอนบ้าน ตอนนี้ยายก็ไปอยู่บ้านญาติเพราะทำใจไม่ได้ มันเองก็เหมือนกัน ไม่อยากกลับไปบ้าน เพราะความทรงจำของแม่มันยังอยู่ สุดท้าย…ผมก็หยิบยื่นความช่วยเหลือให้มันอีกครั้ง

                “ไปนอนบ้านกูก็ได้…ถ้าอยากแดกเหล้ากูก็มีติดห้องอยู่”

                มันมองหน้าผมเงียบๆ แล้วพยักหน้า

                เราสองคนกลับมานั่งกินเหล้าด้วยกันที่ห้องผม ผมไม่ห้าม ให้มันกินได้เต็มที่ เพราะที่นี่ปลอดภัยอยู่แล้ว จนกระทั่งมันเริ่มเมา มันก็เริ่มพูดมาก

                “ไอ้แม็ก…ช่วงเวลาเหี้ยๆ ของกู ช่วงเวลาที่กูแย่แบบสุดๆ กลายเป็นมึงคนเดียวเลยที่มาอยู่ด้วย เพื่อนมึงด้วย แต่เพื่อนกูไม่มีเลย…กูจะทำไงถึงจะชดใช้บุญคุณมึงหมดวะ ?”

                “ไม่ต้องหรอก…ยามศึกเรารบยามสงบเรารัก…ตามนั้น” พูดแล้วก็ชนแก้ว

                “ถ้ามีมึงให้รักจริงๆ ก็คงดี…”

                “หา ?” ผมสะดุ้งโหยง “ว่าไงนะ ?”

                มันมองหน้าผมนิ่งๆ “ถ้ามึงเป็นผู้หญิง…กูจะจีบมึง จะเอามึงทำเมียไปแล้ว”

                “ไม่มีทางอะไอ้สัส”

                “แต่ถ้ากูเป็นผู้หญิงได้…กูแม่งก็อยากเป็นเมียมึง มึงดีกับกูแบบชีวิตนี้ไม่รู้จะมีใครดีกับกูอีกมั้ย แม่ก็ไม่อยู่แล้ว”

                ผมมองหน้ามันแล้วก็นิ่งไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเพราะเหล้าหรือว่าเพราะอะไรกันแน่ หรือว่าผมอยู่กับมันบ่อยเกินไป ผมเลยมองว่ามันน่ารัก ไม่สิ…ผมอยู่กับเพื่อนผมมาก็หลายปี แก้ผ้าล่อนจ้อนด้วยกันก็บ่อย ดันไม่รู้สึกอะไรแบบนี้เลย แต่ตอนนี้…ตรงนี้ กับมัน ผมดัน…รู้สึกดีกับมัน

                ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นเร็วมาก รู้ตัวอีกที ผมก็ดึงมันเข้ามาจูบแลกลิ้นกันอย่างนัวเนียแล้ว  ไม่รู้สึกผิดแปลก ไม่รู้สึกแปลกแยก ไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนหรือแปลกไป ผมจูบกับไอ้เอ้อย่างเต็มใจ และสุขใจอย่างถึงที่สุด  รสเหล้าอ่อนๆ ส่งผ่านรสจูบของเราสองคน ก่อนที่จะเป็นผมที่ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อมันออกโดยที่มันจำยอม

                กล้ามท้อง รอยสัก เหมือนผมทุกอย่าง ไม่มีหน้าอก กระทั่งส่วนที่เริ่มแข็งตึงอยู่ในกางเกงก็ไม่ต่างจากผม ทว่าผมกลับเต็มใจที่จะจูบกับมันและเกินเลยไปจนเกินจะกู่กลับ

                เราถอนจูบกัน แล้วมองหน้ากันนิ่งๆ

                “กู…ชอบมึง” มันพูด “ได้มั้ยวะแมกซ์”

                “มาพูดเหี้ยอะไรตอนนี้วะ…ไม่ได้มั้งไอ้เหี้ย” พูดจบผมก็ผลักมันลงกับเตียง….